โดย วินิสสา อุชชิน
การเลือกตั้งในกัมพูชาปี 2018
วินิสสา อุชชิน
นักวิจัยศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วเมื่อปี 2013 พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodia People’s Party: CPP) ซึ่งสมเด็จฮุน เซน เป็นประธานพรรค ชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่งในรัฐสภา 68 ที่นั่ง ลดลงถึง 22 ที่นั่งจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2008 ในขณะที่พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party: CNRP) ภายใต้การนำของนายสม รังสี ได้ที่นั่งในรัฐสภา 55 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นถึง 26 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งในปี 2008 สะท้อนให้เห็นว่าพรรคประชาชนกัมพูชาและตัวของท่านสมเด็จฮุน เซนนั้นได้เสื่อมความนิยมลงอย่างมาก
การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 สมเด็จฮุน เซน ได้มีการวางกลยุทธ์เพื่อให้พรรคประชาชนกัมพูชาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในภาวะที่คะแนนนิยมถดถอยลง โดยกลยุทธ์ที่สมเด็จฮุน เซน นำมาใช้ มีทั้งการใช้พระเดช (hard power) และพระคุณ (soft power)
การใช้พระเดช (hard power) นั้น หลังจากเลือกตั้งในปี 2013 สมเด็จฮุน เซน ได้ใช้กฎหมายและใช้กำลังเข้าจับกุมฝ่ายตรงข้าม โดยในต้นปี 2014 ได้มีการใช้กำลังตำรวจเข้าสลายการชุมนุมประท้วงที่ต้องการให้สมเด็จฮุน เซน ลาจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดการเลือกตั้งใหม่ ผลการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจส่งผลให้มีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 26 คน และถูกจับกุมตัวอีก 11 คน 1
ปี 2015 ศาลกรุงพนมเปญ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม และนำตัวสม รังสี รับโทษจำคุก 2 ปี จากความผิดฐานหมิ่นประมาท กล่าวหาว่า นายฮอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเป็นอดีตสมาชิกเขมรแดง ส่งผลให้นายสม รังสี หัวหน้าพรรค CNRP ในขณะนั้นต้องลี้ภัยนอกประเทศ ในปี 2015 รัฐสภาของกัมพูชาได้ผ่านกฎหมาย LANGO: Law on Association and Non-Government Organization กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้สมาคม องค์กรพัฒนาเอกชนหรือ เอ็นจีโอ ต้องจดทะเบียนและต้องส่งรายงานการเงินให้กับรัฐบาล ส่งผลให้เอ็นจีโอที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือไม่ผ่านการตรวจสอบสถานะจากรัฐบาลต้องปิดตัวลง
ปี 2017 เป็นปีที่มีการเคลื่อนไหวใช้อำนาจทางกฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชา มีมติให้ผ่านร่างแก้ไขกฎหมายให้สิทธิรัฐบาลที่จะขอให้ศาลออกคำสั่งยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการปลุกปั่น ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก หรือดำเนินกิจกรรมอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดตามกรณีดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้ง และอาจทำให้พรรคการเมืองต้นสังกัดถูกยุบได้ 3 กันยายน 2017 นายเขม สุกขา หัวหน้าพรรค CNRP ถูกจับด้วยข้อกล่าวหาทรยศต่อชาติ จากการสมคบคิดต่างชาติโค่นล้มรัฐบาล 16 พฤศจิกายน 2017 ศาลฎีกาของกัมพูชาตัดสินยุบพรรค CNRP นอกจากนี้สื่อที่เสนอข่าวไม่เข้าข้างรัฐบาลกัมพูชาอย่าง The Cambodia Daily ได้ถูกสั่งปิดโดยข้อหาไม่ได้จ่ายภาษี โดยมีมูลค่าภาษีที่ต้องจ่ายกว่า 6.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 180 ล้านบาท Radio Free Asia (RFA) และ Voice of Democracy และ Voice of America ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตแพร่ภาพกระจายเสียงด้วยเหตุผลด้านภาษีและสถานการณ์จดทะเบียน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 รัฐบาลกัมพูชาอนุมัติกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ 2 กฎหมายได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้าม โดยนายสม รังสี อดีตหัวหน้าพรรค CNRP ได้ถูกหมายเรียกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 3
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า สมเด็จฮุน เซน ได้ใช้พระเดชในการกำจัดฝ่ายตรงข้าม และข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัวที่จะต่อต้านสมเด็จฮุน เซน และพรรค CPP
นอกจากการใช้พระเดชแล้ว สมเด็จฮุน เซน ยังใช้พระคุณ (soft power) ในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสมเด็จฮุน เซนเสียใหม่ โดยในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2013 สมเด็จฮุน เซน มีภาพลักษณ์เป็นผู้นำประเทศที่มากด้วยบารมี มีความสูงส่งกว่าประชาชนทั่วไป ไม่ค่อยมีภาพที่แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดประชาชน เห็นได้จากสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านและแรงงานบ่อยเท่าไรนัก ในการรณรงค์เลือกตั้งจะไม่ค่อยเห็นภาพ สมเด็จฮุน เซน ขึ้นรถขบวนหาเสียง แต่หลังจากการเลือกตั้งปี 2013 สมเด็จฮุน เซน ได้ไปพบปะชาวบ้านบ่อยขึ้น มีการถ่ายรูปเซลฟี่กับประชาชนและโพสต์ลงเฟสบุ๊คของสมเด็จฮุนเซน และที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวกัมพูชาคือ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบลของกัมพูชาในปี 2017 สมเด็จฮุน เซน ได้มาปราศรัยและได้ขึ้นรถบรรทุกนำขบวนยาว 9 กิโลเมตร ผ่านถนนสายต่างๆ ในพนมเปญเพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียง 4
สมเด็จฮุน เซน สมเด็จฮุน เซน ได้มาปราศรัยและร่วมขบวนหาเสียงเลือกตั้งในพนมเปญ
ในการเลือกตั้งระดับตำบล ปี 2017
แหล่งที่มา
– Phnom Penh Post: https://www.phnompenhpost.com/supplements/war-over-political-battle-remains-laws-are-effective-weapon
– Agencia EFE: https://www.efe.com/efe/english/contact/50000336
สมเด็จฮุน เซน ได้พบปะแรงงานบ่อยมากขึ้น และในการพบปะแต่ละครั้งจะมีการปรับปรุงสวัสดิการให้กับแรงงาน หรือมอบเงินช่วยเหลือให้แก่แรงงาน เช่น ในวันที่ 23 สิงหาคม 2017 สมเด็จฮุน เซนได้มาพบแรงงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญโดยมีแรงงาน 16,000 คนให้การต้อนรับ สมเด็จฮุน เซน ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวกับแรงงานถึงสวัสดิการต่างๆ ที่จะมอบให้แรงงาน เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 168 เหรียญสหรัฐในปี 2018 การให้ใช้บริการคมนาคมสาธารณะฟรี การให้บริการสาธารณสุขฟรีที่จะเริ่มในเดือนมกราคม 2018 สมเด็จฮุน เซน ยังได้กล่าวว่าเขาจะเยี่ยมเยือนแรงงานสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อที่จะรับทราบสภาพความเป็นอยู่และปัญหาของนายจ้างและลูกจ้าง สมเด็จฮุน เซน ยังได้กล่าวว่าเขาได้ชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนที่กัมพูชามากขึ้น 5
สมเด็จฮุน เซน ได้พบปะแรงงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2017
แหล่งที่มา
– Phnom Penh Post: https://www.phnompenhpost.com/national/pm-pledges-worker-benefits
– Nikkei Asia Review: https://asia.nikkei.com/Spotlight/Asia-Insight/Minimum-wage-politicking-stings-employers-in-Southeast-Asia
กิจกรรมการพบปะระหว่าง สมเด็จฮุน เซน กับประชาชน รวมถึงการให้สวัสดิการและความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งทีวี วิทยุ และสื่อออนไลน์ ได้แก่ เฟสบุ๊ค ในการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ว่า สมเด็จฮุน เซน เป็นผู้นำที่ใจดี มีความใกล้ชิดและเป็นกันเองกับชาวบ้าน เป็นคุณลุงที่ใจดีและพร้อมจะดูแลและทำทุกอย่างเพื่อหลานๆ ชาวกัมพูชา
นอกเหนือจากการใช้พระเดชและพระคุณแล้ว สมเด็จฮุน เซน ได้ให้ลูก ๆ ของตนเข้ามามีบทบาททางการเมืองและความมั่นคงมากขึ้น โดยพลเอกดร.ฮุน มาแน็ต ลูกชายคนโต ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการองครักษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายและรองประธานเสนาธิการร่วมในกองทัพกัมพูชา
พลตรีฮุน มานิต ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม รองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการหยุดงานประท้วงและการชุมนุมประท้วงทุกรูปแบบ รองเลขาธิการสำนักแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินแห่งชาติ
ฮุน มานี ลูกชายคนสุดท้องได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำปงสะปือ และเป็นประธาน The Union of Youth Federations of Cambodia และเป็นประธานกลุ่มที่ปรึกษาเยาวชนเอเชีย
ฮุน มานา ลูกสาวคนโต เป็นประธานบริษัทบายนทีวี ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับพรรค CPP และคอยสนับสนุนงานของพรรค อาทิ สมเด็จฮุน เซน ต้องการที่จะพัฒนาถนน Anlong Veng ไปยังปราสาทเขาพระวิหาร สถานีวิทยุโทรทัศท์บายนได้ให้การสนับสนุนในการสร้างถนนดังกล่าว นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการเผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่เขาพระวิหาร สถานีวิทยุบายนได้จัดรายการพิเศษเพื่อระดมความช่วยเหลือไปยังทหารที่อยู่แนวหน้า การจัดรายการพิเศษในครั้งนั้นได้เงินจำนวน 1ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ พลตำรวจตรีฑี วิ้จเจีย ซึ่งแต่งงานกับ ฮุน มานา ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และจะลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดสวายเรียงในการเลือกตั้งปี 2018 นี้ด้วย
จากการใช้พระเดช (hard power) และพระคุณ (soft power) และการผลักดันให้ลูก ๆ เข้ามามีบทบาทในทางการเมืองและความมั่นคง ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาในปี 2018 พรรคCPP จะชนะการเลือกตั้งและสมเด็จฮุน เซน จะยังคงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาต่อไป สิ่งที่จับตามองคือ การจัดการกับกลุ่มผู้ที่ไม่พอใจผลการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นและการกระจายอำนาจและผลประโยชน์ระหว่างลูก ๆ ของสมเด็จฮุน เซน และสมาชิกในพรรค CPP ลูก ๆ ของสมเด็จฮุน เซน จะมีความรักสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสามารถสร้างบารมีให้คนในพรรค CPP ยอมรับได้หรือไม่ นี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป