แปลและเรียบเรียงโดย กรองจันทน์ จันทรพาหา
(ที่มาภาพ : https://ss0.bdstatic.com/70cFuHSh_Q1YnxGkpoWK1HF6hhy/it/u=2739498971,358910417&fm=26&gp=0.jpg )
ในช่วงที่ผ่านมา
ประเทศจีนมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปัจจุบันได้กลายเป็นประเทศทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนในปี
ค.ศ.1978
การปฏิรูปทำให้จีนนำไปสู่การพัฒนาทางเทคโนโลยี จากเดิมเริ่มแรกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังทางการผลิตเป็นอันดับหนึ่ง
ต่อมาได้เข้าสู่การที่นวัตกรรมเป็นแรงผลักอันดับหนึ่งในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
จากการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการศึกษา
จากยุทธศาสตร์ทางความสามารถของคนในประเทศไปจนถึงการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการพัฒนา จากการเพิ่มความสามารถในการการสร้างนวัตกรรมของประเทศ การปฏิรูปเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์จึงได้กลายมาเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีและสำคัญในการปฏิรูปเปิดประเทศของจีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้ำหน้า โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของจีนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์และการพัฒนามีการเติบโตไปพร้อมๆกัน
เพื่อให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างครบวงจรของจีน
จนทำให้จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ในประเทศจีนนั้นไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมหรือแม้แต่การดำเนินชีวิตของคนก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีทั้งสิ้น เพราะเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในภาคธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรมเมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ก็ช่วยในเรื่องของการประหยัดต้นทุน การประหยัดแรงงานและการประหยัดเวลา ซึ่งประเทศจีนถือเป็นตลาดสำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยมีการคาดการณ์ว่า ตลาดค้าปลีกแดนมังกรจะยังคงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย
9% ต่อไป นับตั้งแต่ปี 2017 ไปจนถึงปี 2021 จากสถิติที่สำรวจโดย PWC ยังบ่งบอกอีกว่าคนจีน 50% ซื้อสินค้าออนไลน์ทุกสัปดาห์ เทียบกับคนทั้งโลกที่มีอัตราการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำที่ 22%
โดยสินค้าที่คนจีนสั่งซื้อออนไลน์มากที่สุด 59% คือสินค้าอุปโภคบริโภค
ฐานลูกค้าที่สำคัญคือ กลุ่มคนรุ่นใหม่
หรือ Millennials ที่มีจำนวนมากถึง 410 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประชากรในทวีปอเมริกาเหนือ [1]
การใช้เทคโนโลยีของคนจีนในปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้จีนได้เข้าสู่เทคโนโลยีในยุค 5.0 เป็นยุคที่เรียกว่าเป็นสังคมแบบ Super Smart คือ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์มากยิ่งขึ้นและช่วยในการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ
ได้อย่างอัจฉริยะและตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างรอบด้านมากขึ้น หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างว่า
เป็นยุคที่รวมเอาโลกไซเบอร์และโลกแห่งความจริงเข้าด้วยกัน โดยมีเทคโนโลยีและ AI
เป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อน [2] ซึ่งต่างจากยุค 1.0, 2.0, 3.0 และ 4.0
ดังนี้ ในยุค 1.0 คือ
การพัฒนาประเทศบนฐานรายได้ภาคเกษตรกรรมและหัตถกรรมเป็นหลัก ยุค 2.0 คือ
การพัฒนาประเทศโดยเน้นอุตสาหกรรมเบา
เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานราคาถูก
ยุค 3.0 คือ
การพัฒนาประเทศโดยใช้อุตสาหกรรมหนักเป็นตัวขับเคลื่อน
เร่งรัดการผลิตเพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออก และยุค 4.0 คือ
เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หรือกล่าวได้อีกอย่างว่าเป็นเศรษฐกิจที่เน้นมูลค่าเป็นหลัก
(Value-Based Economy) โดยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ อันเกิดจากผลของการพัฒนายุค
4.0 เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างหลากหลาย บางเทคโนโลยีก็ได้เข้ามามีบทบาทแทนมนุษย์
( ที่มาภาพ : https://www.mindphp.com/บทความ /65-archive/4691-ai-for-video-picture-social-non-human.html )
เนื่องด้วยประเทศจีนเป็นประเทศที่มักจะเปิดตัวและมีการคิดค้นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆให้ได้เห็นกันบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง
ที่จีนสามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงได้เองและพัฒนาระบบออกขายไปทั่วโลกได้อีกด้วย “อาลีเพย์” (Alipay) หรือ “支付宝 (จือ ฟู่ เป่า)” หรือ
“ธนาคารอินเทอเน็ต”
ที่สามารถทำธุรกรรมผ่านอินเทอเน็ตได้ โดยสามารถผูกเข้ากับบัตรเครดิต สามารถถอนเงิน เติมเงิน ชำระค่าสินค้าต่างๆ ทั้งในเว็บของจีนและใช้ซื้อของได้ทั่วไป
อีกทั้งยังสามารถจ่ายค่าอาหารในฟู้ดคอร์ท ตลาดสด ร้านค้าต่างๆ เป็นต้น
ทำให้เกิดความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ
ซึ่งมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย เพราะเพียงพกแค่โทรศัพท์มือถือ ก็เหมือนมีเงินสดอยู่ในมือ
ปัจจุบันมีบางเมืองใหญ่ของจีนที่แทบจะใช้แต่เงินบนโทรศัพท์มือถือนี้เท่านั้น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) เป็นแนวคิดในการแชร์การใช้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นเจ้าของสิ่งที่ใช้
[3]
โดย “สังคมร่วมแชร์ (Social sharing) ” ในปัจจุบันจีนเริ่มที่จะใช้การแชร์สิ่งของร่วมกัน เพื่อลดการซื้อหรือประหยัดทรัพยากรได้มากขึ้น เช่น แทนที่จะซื้อรถจักรยานแล้วต้องมาคอยกังวลในการจอดว่าจะหายหรือไม่ ก็มี “จักรยานร่วมแชร์
(Bike sharing) ” คือเมื่อต้องการใช้ก็เพียงแต่ใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือไปเปิดจักรยานตามท้องถนน เมื่อใช้เสร็จก็นำไปจอดคืน สนนราคาก็ถูก เพียงชั่วโมงละ 1 หยวน (ประมาณ 5 บาท)
หรือ
“ร่มร่วมแชร์ (Umbella sharing) ” ก็ไม่ต้องพกร่มเองให้เกะกะ ถึงเวลาอยากใช้ก็มาเอาไปใช้ แล้วนำไปคืน หรือแม้แต่ “แบตสำรองร่วมแชร์
(Power bank sharing) ” ก็สะดวกสบาย ไม่ต้องพกพาให้หนักกระเป๋า เพราะส่วนใหญ่จะมีให้ยืมได้ที่ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มและห้างสรรพสินค้า เมื่้อใช้เสร็จก็นำไปคืน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สังคมร่วมแชร์ นี้คงต้องอาศัยคนในสังคมที่มี จิตสำนึกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช้พอใช้งานเสร็จแล้ว เอาของไปเก็บเป็นของตัวเอง
และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญต้องกล่าวถึงคือ “การซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ (E-commerce) ” เนื่องจากทุกวันนี้กระแสของการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจีน
ไม่ว่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ประจำวัน แม้แต่ของกินในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังสามารถซื้อออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และบางที่ก็จะจัดการส่งสินค้าภายใน 3-4 ชั่วโมง
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยี 4.0 ของจีนที่ก้าวล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ
แต่ที่เห็นจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและล้ำสุดของจีนในยุค 5.0 ขณะนี้ก็คือ “ Big Data และ ปัญญาประดิษฐ์
หรือ AI (Artificial Intelligence) [4] ” หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว “ปัญญาประดิษฐ์
หรือ AI ” หมายถึง
การที่คอมพิวเตอร์คิดได้เหมือนมนุษย์ (อาจจะฉลาดกว่ามนุษย์อีก) ซึ่งเป็นไปได้ในยุคปัจจุบัน
เพราะการสอดประสานระหว่าง “สามพลัง” คือ พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ (computational power) พลังของข้อมูลปริมาณมหาศาล
(big data) และพลังของขั้นตอนการวิเคราะห์คำนวณ
(algorithm) โดย AI สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องทุกวงการ
และจุดเด่นหนึ่งของ AI คือ
สามารถเขียนขั้นตอนการวิเคราะห์คำนวณให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ถูกผิดและปรับปรุงตัวเองได้ เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์
ซึ่งรวมไปถึงการเรียนรู้
และ self-correction หนึ่งในสาขาของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก คือ Machine Learning ส่วน Big Data เป็นเทคโนโลยีคลังเก็บข้อมูลใหม่ที่ไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวแต่ยังฉลาดวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลขอดีตถึงปัจจุบันย้อนหลังได้อย่างแม่นยำ ลองคิดดูว่าในแต่ละวันมีการใช้อินเทอร์เน็ตและคลิกเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ รวมถึงรูปภาพในแต่ละวันของประชาชนมีจำนวนกี่ครั้ง กี่เรื่องราว กี่ข้อมูล การเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวันของประชาชนจีนเปลี่ยนไปมากมายหลังการเติบโตของ Big Data อย่างเช่นที่เป็นเสียงฮือฮามากในตอนนี้ก็คือ ระบบการจดจำใบหน้าอัจฉริยะที่ถูกเอามาใช้ในด้านตำรวจรักษาความปลอดภัย ซึ่งระบบการจำแนกใบหน้านี้เป็นระบบสุดยอดการคัดกรองจำแนกใบหน้าของผู้คน โดยมีการวิเคราะห์ที่เพิ่มประสิทธิภาพและฐานข้อมูลจำนวนมากจะทำการรวบรวมและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว มีความเร็วระดับหมื่นล้านตัวเลขใช้เวลาหนึ่งวินาทีในการตอบกลับ ระบบจำแนกหน้าคนมี 40 คุณลักษณะของใบหน้า อายุ เพศ สีหน้า หนวด อีกทั้ง Big Data นี้ยังแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับจุดบอดในการวิเคราะห์ใบหน้าและเพิ่มประสิทธิภาพให้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น
ภาพแผนที่ของเมืองต่างๆในประเทศจีนที่แสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาด้าน Big Datda มากที่สุด ได้แก่ ปักกิ่ง (78.22 คะแนน) ตามด้วยกว่างตง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง ซันตง กุ้ยโจว ฉงชิ่ง ฝูเจี้ยน และเสฉวน (ที่มาภาพ : https://mgronline.com/china/detail/9620000020305)
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ระบบการจดจำใบหน้าอัจริยะของจีนได้รับการยอมรับและถูกใช้ในหลายพื้นที่เช่น
สถานีรถไฟ
รถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบิน โรงแรม ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเยอะ ซึ่งเห็นได้ว่าการมีระบบการจดจำใบหน้า Big Data นี้เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ตำรวจในการจับผู้ร้ายเป็นอย่างมาก
ทำให้การค้นหาผู้ร้ายเป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำมากขึ้น [5]
บทบาทของเทคโนโลยีที่มีต่อคนจีนในปัจจุบัน
ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนจีน หรือในทุกๆ ด้านจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนจีนไปเลยก็ว่าได้
และทุกทุกวันเทคโนโลยีก็ได้ถูกพัฒนาให้เจริญก้าวหน้ายิ่งยิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เนื่องจากเทคโนโลยีเอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่คนจีนในหลายๆด้าน ดังนี้
1.ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนจะเกิดการชะลอตัวลง
สาเหตุอาจจะมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้ภาคการผลิตขยายตัวต่ำ
ตัวเลขการส่งออกของจีนและผลกำไรทางการค้าก็ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ [6]
โดยภาคอุตสาหกรรมมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตนั้น
เนื่องมาจากมีการใช้หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานคน จึงช่วยลดต้นทุนในการผลิต
ลดการใช้แรงงานจากคน ทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้น
ปริมาณการจำหน่ายก็เพิ่มมากขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่าจีนสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาถูก
ส่งออกได้ในปริมาณที่มาก ก็สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ดี ซึ่งการแข่งขันกันระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศจีนเอง
ก็มีการแข่งขันกันอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันระหว่างประเทศได้อีกด้วย
เพราะผู้บริโภคได้ประโยชน์ จากการแข่งขันการผลิตที่มีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกันในหลายๆขั้นตอนของการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดมลภาวะ
สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ เช่น
ภาวะหมอกควันพิษ ภาวะโลกร้อน เป็นต้น
2.ด้านการดำเนินธุรกิจ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้การทำธุรกิจมีความสะดวกมากขึ้น
บริษัทสามารถติดต่อกับผู้ส่งสินค้าและลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ผู้บริหารได้รับข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ทำให้สามารถตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การขยายตัว การเลือกซื้อหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
[7]
การโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางทางอินเตอร์เน็ต
เช่น Facebook Instragram
Youtube เป็นต้น
ส่งผลให้บริษัทที่รู้จักนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ทำให้มีผลกำไรมากยิ่งขึ้น อีกทั้งคนจีนในยุค 5.0
ก็มีการจับจ่ายใช้สอยกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้
โดยผ่านการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ ไม่ต้องเดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อ หลังจากนั้นก็ทำการจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่น
We Chat หรือตัดเงินผ่านบัตรเครดิตก็สามารถทำได้ง่ายและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
หรือเมื่อไปข้างนอกก็ไม่ต้องพกเงินสด เพราะทำการจ่ายเงินผ่านแอพลิเคชั่น We Chat ก็สามารถจ่ายได้แล้ว
ซึ่งทำให้ทั้งตัวธนาคารเองและประชาชนที่มาใช้บริการ
ก็ได้รับความสะดวกไปพร้อมๆกัน จึงเป็นการประหยัดเวลาของทั้งสองฝ่าย
3.ด้านชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีชีวิตประจำวันมีผลทางความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตประจำวันของคนเรา
ซึ่งถ้าในอนาคตเมื่องานขาดความยืดหยุ่นหรือขาดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ก็อาจจะถูกแทนที่ด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์
(AI) ดังที่เห็นได้จากจีน
เมื่อ 9 พ.ย.2561 สำนักข่าวซินหัว เปิดตัวผู้ประกาศข่าวปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คนแรกของโลก ในงานประชุม World Internet Conference ครั้งที่ 5 ณ เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2561
สำนักข่าวซินหัว ได้ร่วมมือกับบริษัทเสิร์จ เอ็นจิน (serch engine) Sogou.com พัฒนาผู้ประกาศข่าวชาย AI พูดภาษาอังกฤษและภาษาจีน ขึ้นมาเป็นคนแรกของโลก และตั้งชื่อให้ว่า ‘He’ ซึ่งใบหน้า รูปลักษณ์ และน้ำเสียงมีต้นแบบมาจาก นายจาง เจา ผู้ประกาศข่าวชายคนเก่ง ของสำนักข่าวซินหัว
ซึ่งสามารถทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวันบนเว็บไซต์ รวมทั้งทุกแพลตฟอร์ม
(Platform) บนโซเชียล มีเดียของสำนักข่าวซินหัว โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการรายงานข่าวให้ดียิ่งขึ้น
[8]
นอกจากนี้
จีนได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาสู่การบริการและอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งส่งผลต่อภาคการผลิตและขอบเขตทางเศรษฐกิจให้มีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก
เห็นได้จากเมื่อไม่นานมานี้จากนสพ.ไทยรัฐได้มีรายงานว่า แพทย์ชาวจีนใช้เทคโนโลยีเครือข่าย 5G
ในการควบคุมแขนหุ่นยนต์ให้ผ่าตัดสุกรจากระยะไกลได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
เรียกว่าเปิดประตูแห่งความสดใสของวงการแพทย์
ที่จะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ด้วยอินเตอร์เน็ตที่มีเสถียรภาพอย่าง 5G นับว่าเป็นอนาคตที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดจ่อ [9] ทำให้วงการแพทย์มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นแพทย์ก็สามารถจัดการได้ทันท่วงที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง
จึงเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นอีกด้วย ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ๆ
ทำให้ชีวิตเกิดความสะดวกสบาย ผู้สูงวัยชาวจีนนับร้อยล้านกลับประสบปัญหาไล่ตามโลกดิจิทัลไม่ทัน
รู้สึกโดดเดี่ยวจากสังคมและไม่สามารถเข้าถึงบริการหลายอย่างที่เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลได้ เนื่องมาจากในจีนมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือราว
890
ล้านราย ทว่าจีนมีจำนวนประชากรเกือบ 1.4
พันล้านคน
ขณะที่เขตเมืองของจีนแทบจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดโดยสมบูรณ์แล้ว
ตั้งแต่กาแฟตลอดจนรถยนต์สามารถซื้อขายได้ผ่านหน้าจอมือถือ ซึ่งจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ก็ทำให้ผู้สูงวัยที่เริ่มใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆไม่เป็น
ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง [10]
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทำให้การดำเนินชีวิตของคนเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือดีไปทั้งหมด และการพัฒนาทางเทคโนโลยีนั้นก็ยังสร้างปัญหาใหม่ๆให้กับคนเราอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า
การพััฒนาทางเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตของคนเราเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ทว่าบนโลกใบนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องที่สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด เมื่อเทคโนโลยีมีข้อดี ก็มักจะมาพร้อมกับข้อเสียเสมอ เห็นได้ชัดเจนจากการที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปอย่างเร็วมาก
ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ควรจะช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นสะดวกขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงวัย
แต่กลับมาสร้างปัญหาให้ผู้สูงวัยแทน ฉะนั้นแล้ว
การพัฒนาทางเทคโนโลยีมีประโยชน์มากก็จริง แต่ผลกระทบทางลบก็มีไม่น้อยเช่นกัน
แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของจีน
ในบริบทของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของโลก
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในระหว่างองค์กรด้วยกันเอง
เช่น
Google Microsoft IBM และ Facebook เป็นต้น
โดยอาศัยความได้เปรียบของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบในด้านปัญญาประดิษฐ์
โดยบริษัทใหญ่ๆแต่ละบริษัทจะมีการเพิ่มการลงทุนในด้านของการวิจัยและพัฒนา การสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพสูง
การสร้างห้องปฏิบัติการ ประกอบกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ ในขณะเดียวกันก็ใช้ลักษณะการดูดซึมปัญญาประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเป็นไปในลักษณะของการเข้าซื้อกิจการ
เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันโดยรวม
นอกจากนี้บริษัทใหญ่ๆแต่ละบริษัทยังมีการเปิดใช้งานแพลตฟอร์ม (Platform) ที่มาของแหล่งเทคโนโลยีและการสร้างระบบนิเวศน์ของตัวเองโดยรอบ การขาดความยืดหยุ่นและนวัตกรรมใหม่ๆของงานในอนาคตก็จะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์
ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้พละกำลังแรงงานหรือว่าจะเป็นงานที่ใช้สมอง ก็เพียงแค่เป็นงานที่มีความน่าเบื่อหน่าย ไม่ต้องการอาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือความยืดหยุ่น
ก็ล้วนถูกเอามาแทนที่ได้ทั้งนั้น
เพราะว่าความรู้ของงานเหล่านี้จะใช้ AI มาทดแทนได้ง่ายที่สุด
อย่างเช่น ในอุตสาหกรรมเฉพาะทางที่ได้กำไรมาก เมื่อใช้ AI มาแทนที่งานนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่กำไรจะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม อุตสาหกรรมดั้งเดิมจะพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์
โดยอาศัยการนำเอารูปแบบธุรกิจใหม่และรูปแบบเชิงพาณิชย์มาใช้
ซึ่งในอุตสาหกรรมใหม่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการนำมาพัฒนาแบบก้าวกระโดด อุตสาหกรรมดั้งเดิมมีใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต การศึกษาทางการเกษตร การเงิน การคมนาคม การรักษาพยาบาล การนันทนาการและการจัดการทางสาธารณะ เป็นต้น
และจะมีการนำเอารูปแบบธุรกิจใหม่และรูปแบบเชิงพาณิชย์มาใช้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
รถยนต์ไร้คนขับ VR ( virtual reality) [11]
และโดรน (Drone) [12]
เป็นต้น
ซึ่งการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของบริษัทจะขึ้นอยู่กับช่วงวงจรชีวิตของอุตสาหกรรม
ขณะที่กระแสของเทคโนโลยีทางด้าน
AI ซึ่งกำลังมีบทบาทอยู่ในทั่วโลกนั้น
จีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จีนกำลังดำเนินการในการสร้างและพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ประธานาธิบดีสี จิ้น
ผิงของจีน เคยประกาศไว้ว่า จะสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ให้ได้ในกลางศตวรรษที่
21 ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจีนตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโลกให้ได้ภายในปี
2050 ปัจจุบันจึงมีการอัดฉีดงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
เช่น จัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศทั้งหมดให้เป็นอุตสาหกรรมไฮเทค
สร้างห้องทดลองอวกาศเทียนกง ยานดำน้ำสำรวจทะเลลึก ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ สร้างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง
Baidu, Alibaba และ Tencent ซึ่งเทียบได้กับ
Google, eBay และ Facebook ของสหรัฐอเมริกา ในการพัฒนานวัตกรรมของจีนนั้น
ภาครัฐมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เอกชนพัฒนานวัตกรรมเกิดขึ้นและมีผลทางเศรษฐกิจได้จริง
ซึ่งรัฐบาลจีนมีแผนการสนับสนุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง
โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 รัฐบาลจีนได้ร่าง
“แผนงานการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับยุคสมัยใหม่”
ซึ่งเป็นแผนงานส่งเสริมการค้นคว้าเทคโนโลยี AI ครบทุกด้าน
โดยอิงกับปัจจัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน
แผนนี้มีเป้าหมายหลักคือการปั้นตลาดอุตสาหกรรม AI ให้มีมูลค่า
1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านล้านบาท)
ภายในปี 2030 แผนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ยังเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ของจีนที่มีชื่อว่า
“โครงการนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งปี 2030” ซึ่งโครงการนี้เน้นการพัฒนานวัตกรรมจาก
Disruptive Tech [13] ทั้งหมด
ทั้งยังเน้นการพัฒนาในระยะยาวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภาครัฐยังประกาศแผนการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนทั้ง
3 ราย โดยให้แต่ละรายพัฒนา AI สำหรับการใช้งานแต่ละด้าน
ได้แก่ Baidu พัฒนา AI สำหรับยานยนต์ไร้คนขับ,
Alibaba สำหรับ Smart City และ Tencent
พัฒนา AI เพื่อระบบดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Intelligent
Healthcare) [14] นอกจากนี้ในปี 2025
จีนจะทำให้ทั้งประเทศมี Road Map ที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมจีนในการครองโลกด้วยสินค้านวัตกรรมไฮเทค
หรือที่เรียกว่า “แผนพัฒนาเชิงรุกด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
(Made
in China 2025)” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมภายใต้แนวคิดผลักดันการผลิตด้วยนวัตกรรมชั้นสูงที่มุ่งสร้างคุณภาพมากกว่าปริมาณ
การผลิตที่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เพื่อเป็นการลบภาพลักษณ์สินค้า Made in China แบบคุณภาพต่ำอย่างที่เคยมีมาในอดีตของสินค้าจีน การบ่มเพาะบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวม
และการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม [15] โดยจีนตั้งเป้าจะครองตลาดใน 10
ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ หุ่นยนต์ AI , ชิป ,
คอมพิวเตอร์ , Cloud Service [16] , ท่าอากาศยาน เรือ รถไฟ , รถอัจฉริยะรักษ์โลก
, พลังงานหมุนเวียน , เกษตรกรรม ,
วัสดุไฮเทค , ยาและเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น [17]
สรุป
ความก้าวหน้าและการพัฒนาของยุคเทคโนโลยี ค่อยๆปรับปรุงสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเรา ทำให้คุณภาพชีวิตจะยิ่งอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวหน้าและนำพาความสะดวกสบายอย่างยิ่งใหญ่มาสู่พวกเรา
แต่ในขณะเดียวกันก็นำพาผลกระทบด้านลบอย่างมากมายมาให้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น ปัญหาผู้สูงวัยตามเทคโนโลยีไม่ทัน ปัญหาสิ่งแวดล้อม
น้ำเสียที่ถูกปล่อยมาจากแม่น้ำเส้นหลัก ส่งผลให้ต้องรับประทานอาหารทะเลที่ไม่มีความสดหลงเหลืออยู่แล้ว
หรือแม้แต่สูญเสียทรัพยากรทางน้ำที่มีค่าไปอย่างมาก แต่กลับไม่ได้คิดถึงผลลัพท์ในภายหลัง และปัญหาอื่นๆ
[18] ดังนั้นจะต้องพัฒนาทางเทคโลยีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด นำพาซึ่งประโยชน์มาให้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะละเลยสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ขณะนี้ไปได้ หากลองมองย้อนกลับไปในยุค 1.0 2.0 3.0 และ 4.0 ที่ผ่านมานั้น เทคโนโลยียังไม่ได้มีบทบาทเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากนัก
การเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือมลพิษต่างๆ จึงพบเห็นได้น้อยกว่าในปัจจุบัน
ถึงอย่างไรจีนก็คงไม่ล้มเลิก “
แผนยกระดับเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรมไฮเทค เนื่องจากหัวใจหลักของเขาคือ
ต้องการยกระดับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของประเทศ
ไม่อย่างนั้นจะไปต่อได้ลำบาก ” อีกทั้งจีนยังต้องเปลี่ยนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจด้วย
จากเดิมที่เคยเน้นการส่งออกก็ต้องมาเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น
หรือจากเดิมที่เป็นลักษณะการส่งสินค้าราคาถูกออกไปต่างประเทศก็ต้องเปลี่ยนไปสู่การส่งออกสินค้าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเก่า ข้อมูลที่น่าสนใจจาก The Telegraph ระบุว่าปี 2017 ที่ผ่านมา มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 4.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 32.9% ของ GDP
ทั้งประเทศ
ขณะที่บุคลากรที่ทำงานในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลก็มีจำนวน 171
ล้านคน นับเป็นสัดส่วน 22% ของการจ้างงานในประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีศักยภาพที่จะเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
และเศรษฐกิจดิจิทัลอีกมาก
เหลือเพียงรอเวลาเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาวิ่งเข้าสู่เป้าหมาย Made in
China 2025 ได้จริง [19]
หากมองย้อนอดีต
พิจารณาปัจจุบัน จะเห็นถึงอนาคตของจีนว่า จีนทำอะไรก็ทำอย่างจริงจัง ทำอะไรก็ต้องยิ่งใหญ่เสมอ
ดังนั้นเป้าประสงค์ของจีนในการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม
[20] ในอนาคตอีก
5-10 ปีข้างหน้า หุ่นยนต์อัจฉริยะอาจจะกลายมาเป็น “แม่บ้าน” เทคโนโลยีไร้คนขับก็สามารถทำหน้าที่เป็นคนขับขณะเดินทาง และเทคโนโลยีสแกนใบหน้าจะคอยมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ก็เป็นได้ ท้ายที่สุดแล้วการพัฒนาในเชิงลึกของปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มีความสะดวกสบายมากขึ้น และก็กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ในอนาคต
(ที่มาภาพ : http://t11.baidu.com/it/u=2584435636,2601384684&fm=173&app=25&f=JPEG?w=580&h=258&s=3DB9489342E03113D42CD5A803006011)
รายการอ้างอิง
ยุคที่รุ่งเรือง (กว่าเดิม) ของ E-Commerce
แดนมังกร (18 ตุลาคม 2561). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645783
เตรียมเข้าสู่สังคม
การอยู่อาศัยยุค 5.0 ( 11 มีนาคม 2562 ). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646777
ผลของการขยายตัวของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ
สมองกลอัจฉริยะต่อระบบการผลิต เศรษฐกิจ-ตลาดแรงงาน. (27 สิงหาคม 2561).
ประชาชาติธุรกิจ. สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/economy/news-210309
อาร์ม ตั้งนิรันดร. (2561). China 5.0 : สีจิ้นผิง เศรษฐกิจยุคใหม่และแผนการใหญ่ AI . กรุงเทพฯ : บุ้คสเคป.
Big Data เปลี่ยนแปลงชีวิตคนจีนไปอย่างไร?. (2 มีนาคม
2562). ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นจากhttps://mgronline.com/china/detail/9620000020305
ทิศทางเศรษฐกิจจีน
2019 กับแรงสะเทือนต่อโลก. (2 มกราคม 2562). 362 Degree.com เวปไซต์สำนักข่าวออนไลน์. http://www.362degree.com/2019/01/02/ทิศทางเศรษฐกิจจีน-2019/
ผลกระทบของเทคโนโลยี.
(12 กันยายน 2561). สืบค้นจาก https://www.krui3.com/content/impact-of-technology/
ซินหัว
เปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของโลก อ่านข่าวไม่มีเหนื่อย 24 ชม./วัน. (9 พฤศจิกายน
2561). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1416976 ไทยรัฐออนไลน์
9 พ.ย. 2561
แพทย์แสดงการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีไร้สาย
5G. (4 มีนนาคม
2562). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1509820
ผู้สูงวัยกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อเทคโนโลยีในจีนพัฒนาไม่หยุด. (11 มีนาคม 2562). Voice TV. สืบค้นจากhttps://voicetv.co.th/read/1y3RnDQLj
The Rise of AI in China เมื่อ AI Ecosystem ของจีนเบ่งบานในระดับโลก. (10 กรกฏาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/the-rise-ai-china/
Made in China 2025 : จีนกับแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ผู้นำเทคโนโลยี. (6 มีนาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/Made-in-China-2025/
科技发展对我们的生活带来的影响. (25 กรกฏาคม 2561). สืบค้นจาก https://baijiahao.baidu.com/s?id=1606949266693606953&wfr=spider&for=pc
ส่องยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของสีจิ้นผิง. (31 สิงหาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด สืบค้นจาก https://thestandard.co/made-in-china-2025/
จีนกับการท้าชิงเจ้าเทคโนโลยีของโลก จนสหรัฐฯ มองเป็นภัยคุกคาม. (27 ธันวาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด. สืบค้นจาก https://thestandard.co/cyber-threat-and-china-us-trade-war-in-2019/
จีนกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม. (9 เมษายน 2561). เวปไซต์ Pantip.com. สืบค้นจาก https://pantip.com/topic/37548145
[1] ยุคที่รุ่งเรือง (กว่าเดิม) ของ E-Commerce แดนมังกร (18 ตุลาคม 2561).
กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645783
[2] เตรียมเข้าสู่สังคม
การอยู่อาศัยยุค 5.0 ( 11 มีนาคม 2562 ). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646777
[3] ผลของการขยายตัวของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ
สมองกลอัจฉริยะต่อระบบการผลิต เศรษฐกิจ-ตลาดแรงงาน. (27 สิงหาคม 2561). ประชาชาติธุรกิจ.
สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/economy/news-210309
[4] อาร์ม
ตั้งนิรันดร. (2561). China 5.0 : สีจิ้นผิง เศรษฐกิจยุคใหม่และแผนการใหญ่ AI . กรุงเทพฯ :
บุ้คสเคป.
[5]
Big Data เปลี่ยนแปลงชีวิตคนจีนไปอย่างไร?. (2 มีนาคม 2562). ผู้จัดการออนไลน์.
สืบค้นจากhttps://mgronline.com/china/detail/9620000020305
[6] ทิศทางเศรษฐกิจจีน
2019 กับแรงสะเทือนต่อโลก. (2 มกราคม 2562). 362 Degree.com
เวปไซต์สำนักข่าวออนไลน์. http://www.362degree.com/2019/01/02/ทิศทางเศรษฐกิจจีน-2019/
[7] ผลกระทบของเทคโนโลยี. (12 กันยายน 2561). สืบค้นจาก https://www.krui3.com/content/impact-of-technology/
[8] ซินหัว เปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของโลก อ่านข่าวไม่มีเหนื่อย
24 ชม./วัน. (9 พฤศจิกายน 2561). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1416976 ไทยรัฐออนไลน์ 9 พ.ย.
2561
[9] แพทย์แสดงการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีไร้สาย 5G. (4 มีนนาคม 2562). ไทยรัฐออนไลน์.
สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1509820
[10] ผู้สูงวัยกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อเทคโนโลยีในจีนพัฒนาไม่หยุด. (11 มีนาคม 2562). Voice TV. สืบค้นจากhttps://voicetv.co.th/read/1y3RnDQLj
[11] ความเป็นจริงเสมือน หมายความว่า ทัศนียภาพรอบทิศทางที่สร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ จำลองและถ่ายทอดความรู้สึกและประสบการณ์ดั่งอยู่ในโลกเสมือนจริง
การรับชมความเป็นจริงเสมือนจำเป็นต้องมีอุปกรณ์รับชมซึ่งรับสัญญาณมาจากคอมพิวเตอร์
[12] เครื่องบินขนาดเล็กบินได้โดยอัตโนมัติโดยมีการควบคุมจากมนุษย์
[13] การที่เรามีเทคโลยีใหม่ๆ มาทดแทนสิ่งเดิมที่มีอยู่ และส่งผลให้ผู้ใช้งานได้มีอะไรที่ดี สะดวกสบายมากกว่าเดิม
[14] The Rise of AI in China เมื่อ AI Ecosystem ของจีนเบ่งบานในระดับโลก.
(10 กรกฏาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam
Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/the-rise-ai-china/
[15] Made in China 2025 :
จีนกับแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ผู้นำเทคโนโลยี. (6 มีนาคม 2562). Digital
Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/Made-in-China-2025/
[16] เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไอที เช่น Server หรือโปรแกรมต่างๆ ที่เราไม่ต้องลงทุนซื้อเพียงเราจ่ายค่าบริการ หรือบางรายอาจะให้ใช้ฟรี
หากเราไม่ได้ใช้งานเชิงธุรกิจ เราก็สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย
[17] ส่องยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของสีจิ้นผิง. (31
สิงหาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด สืบค้นจาก https://thestandard.co/made-in-china-2025/
[18] 科技发展对我们的生活带来的影响. (25 กรกฏาคม 2561). สืบค้นจาก https://baijiahao.baidu.com/s?id=1606949266693606953&wfr=spider&for=pc
[19] จีนกับการท้าชิงเจ้าเทคโนโลยีของโลก
จนสหรัฐฯ มองเป็นภัยคุกคาม. (27 ธันวาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด. สืบค้นจาก https://thestandard.co/cyber-threat-and-china-us-trade-war-in-2019/
[20] จีนกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม.
(9 เมษายน 2561). เวปไซต์ Pantip.com. สืบค้นจาก https://pantip.com/topic/37548145