บทความของศูนย์จีนศึกษา

ศูนย์จีนศึกษา

การศึกษาวิจัย และเผยแพร่ความรู้เรื่องจีน เริ่มที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมกับกระแสการส่งเสริมเอเชียศึกษาทั่วโลก อันเป็นผลมาจากการที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ การเกิดสงครามเกาหลีและสงครามอินโดจีน ในปีพ.ศ.2510 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ก่อตั้งสถาบันเอเชียศึกษาอย่างไม่เป็นทางการ โดยทำการสอน วิจัย และเผยแพร่เรื่องจีนเป็นกิจกรรมสำคัญ ภายหลังไทย-จีนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันแล้ว และสถาบันเอเชียศึกษาได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2528 และกิจกรรมเรื่องจีนศึกษามีมากขึ้น ในปีพ.ศ.2538 ซึ่งเป็นวโรกาสที่ไทย-จีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 20 ปี สถาบันเอเชียศึกษา จึงได้ก่อตั้งศูนย์จีนศึกษาขึ้น เพื่อการทำวิจัยในลักษณะที่เป็นสหสาขาวิชา คือ ครอบคลุมความรู้ในหลายด้านที่เกี่ยวกับจีน ได้แก่ การเมือง การปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สังคม วัฒนธรรมและภาษา รวมทั้งความรู้ในส่วนที่เกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเล โดยมุ่งหวังเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างไทยกับจีน เพื่อสร้างฐานข้อมูลและองค์ความรู้เรื่องจีนศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นบริการให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินความสัมพันธ์กับจีนในระดับต่างๆ และเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวิชาการเรื่องจีนศึกษากับนักวิชาการเรื่องจีนศึกษาทั่วโลก

วิเคราะห์เศรษฐกิจ-สังคมจีน “ เทคโนโลยีในยุค 5.0 กับวิถีชีวิตของคนจีนในปัจจุบัน ”

แปลและเรียบเรียงโดย กรองจันทน์  จันทรพาหา


(ที่มาภาพ : https://ss0.bdstatic.com/70cFuHSh_Q1YnxGkpoWK1HF6hhy/it/u=2739498971,358910417&fm=26&gp=0.jpg )

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปัจจุบันได้กลายเป็นประเทศทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา   เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนในปี ค.ศ.1978  การปฏิรูปทำให้จีนนำไปสู่การพัฒนาทางเทคโนโลยี  จากเดิมเริ่มแรกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังทางการผลิตเป็นอันดับหนึ่ง  ต่อมาได้เข้าสู่การที่นวัตกรรมเป็นแรงผลักอันดับหนึ่งในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ  จากการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการศึกษา  จากยุทธศาสตร์ทางความสามารถของคนในประเทศไปจนถึงการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการพัฒนา  จากการเพิ่มความสามารถในการการสร้างนวัตกรรมของประเทศ  การปฏิรูปเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์จึงได้กลายมาเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีและสำคัญในการปฏิรูปเปิดประเทศของจีน  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้ำหน้า   โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของจีนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  ความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์และการพัฒนามีการเติบโตไปพร้อมๆกัน  เพื่อให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างครบวงจรของจีน  จนทำให้จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

ในประเทศจีนนั้นไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมหรือแม้แต่การดำเนินชีวิตของคนก็ตาม  ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีทั้งสิ้น  เพราะเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น  ในภาคธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรมเมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ก็ช่วยในเรื่องของการประหยัดต้นทุน การประหยัดแรงงานและการประหยัดเวลา   ซึ่งประเทศจีนถือเป็นตลาดสำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย  โดยมีการคาดการณ์ว่า ตลาดค้าปลีกแดนมังกรจะยังคงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อไป นับตั้งแต่ปี 2017 ไปจนถึงปี 2021  จากสถิติที่สำรวจโดย PWC ยังบ่งบอกอีกว่าคนจีน 50% ซื้อสินค้าออนไลน์ทุกสัปดาห์ เทียบกับคนทั้งโลกที่มีอัตราการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำที่ 22%  โดยสินค้าที่คนจีนสั่งซื้อออนไลน์มากที่สุด 59% คือสินค้าอุปโภคบริโภค  ฐานลูกค้าที่สำคัญคือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Millennials  ที่มีจำนวนมากถึง 410 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประชากรในทวีปอเมริกาเหนือ [1]

การใช้เทคโนโลยีของคนจีนในปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้จีนได้เข้าสู่เทคโนโลยีในยุค 5.0  เป็นยุคที่เรียกว่าเป็นสังคมแบบ Super Smart  คือ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์มากยิ่งขึ้นและช่วยในการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ ได้อย่างอัจฉริยะและตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างรอบด้านมากขึ้น  หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างว่า เป็นยุคที่รวมเอาโลกไซเบอร์และโลกแห่งความจริงเข้าด้วยกัน โดยมีเทคโนโลยีและ AI เป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อน [2]  ซึ่งต่างจากยุค 1.0, 2.0, 3.0 และ 4.0 ดังนี้ ในยุค 1.0 คือ การพัฒนาประเทศบนฐานรายได้ภาคเกษตรกรรมและหัตถกรรมเป็นหลัก ยุค 2.0 คือ การพัฒนาประเทศโดยเน้นอุตสาหกรรมเบา เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานราคาถูก  ยุค 3.0 คือ การพัฒนาประเทศโดยใช้อุตสาหกรรมหนักเป็นตัวขับเคลื่อน เร่งรัดการผลิตเพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออก และยุค 4.0 คือ เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หรือกล่าวได้อีกอย่างว่าเป็นเศรษฐกิจที่เน้นมูลค่าเป็นหลัก (Value-Based Economy) โดยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ อันเกิดจากผลของการพัฒนายุค 4.0 เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างหลากหลาย บางเทคโนโลยีก็ได้เข้ามามีบทบาทแทนมนุษย์

( ที่มาภาพ : https://www.mindphp.com/บทความ /65-archive/4691-ai-for-video-picture-social-non-human.html )

เนื่องด้วยประเทศจีนเป็นประเทศที่มักจะเปิดตัวและมีการคิดค้นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆให้ได้เห็นกันบ่อยครั้ง   ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง ที่จีนสามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงได้เองและพัฒนาระบบออกขายไปทั่วโลกได้อีกด้วย   “อาลีเพย์” (Alipay) หรือ “支付宝 (จือ ฟู่ เป่า)” หรือ “ธนาคารอินเทอเน็ต” ที่สามารถทำธุรกรรมผ่านอินเทอเน็ตได้ โดยสามารถผูกเข้ากับบัตรเครดิต สามารถถอนเงิน เติมเงิน ชำระค่าสินค้าต่างๆ ทั้งในเว็บของจีนและใช้ซื้อของได้ทั่วไป   อีกทั้งยังสามารถจ่ายค่าอาหารในฟู้ดคอร์ท ตลาดสด ร้านค้าต่างๆ เป็นต้น  ทำให้เกิดความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ  ซึ่งมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย  เพราะเพียงพกแค่โทรศัพท์มือถือ ก็เหมือนมีเงินสดอยู่ในมือ  ปัจจุบันมีบางเมืองใหญ่ของจีนที่แทบจะใช้แต่เงินบนโทรศัพท์มือถือนี้เท่านั้น 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) เป็นแนวคิดในการแชร์การใช้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเป็นเจ้าของสิ่งที่ใช้ [3]   โดย “สังคมร่วมแชร์ (Social sharing) ” ในปัจจุบันจีนเริ่มที่จะใช้การแชร์สิ่งของร่วมกัน เพื่อลดการซื้อหรือประหยัดทรัพยากรได้มากขึ้น เช่น แทนที่จะซื้อรถจักรยานแล้วต้องมาคอยกังวลในการจอดว่าจะหายหรือไม่ ก็มี “จักรยานร่วมแชร์  (Bike sharing) ” คือเมื่อต้องการใช้ก็เพียงแต่ใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือไปเปิดจักรยานตามท้องถนน เมื่อใช้เสร็จก็นำไปจอดคืน สนนราคาก็ถูก เพียงชั่วโมงละ 1 หยวน (ประมาณ 5 บาท)  หรือ “ร่มร่วมแชร์  (Umbella sharing) ” ก็ไม่ต้องพกร่มเองให้เกะกะ ถึงเวลาอยากใช้ก็มาเอาไปใช้ แล้วนำไปคืน หรือแม้แต่ “แบตสำรองร่วมแชร์  (Power bank sharing) ” ก็สะดวกสบาย ไม่ต้องพกพาให้หนักกระเป๋า เพราะส่วนใหญ่จะมีให้ยืมได้ที่ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มและห้างสรรพสินค้า เมื่้อใช้เสร็จก็นำไปคืน เป็นต้น  แต่อย่างไรก็ตาม สังคมร่วมแชร์ นี้คงต้องอาศัยคนในสังคมที่มี จิตสำนึกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช้พอใช้งานเสร็จแล้ว เอาของไปเก็บเป็นของตัวเอง  และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญต้องกล่าวถึงคือ “การซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ (E-commerce) ” เนื่องจากทุกวันนี้กระแสของการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจีน ไม่ว่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ประจำวัน  แม้แต่ของกินในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังสามารถซื้อออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และบางที่ก็จะจัดการส่งสินค้าภายใน 3-4 ชั่วโมง  ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยี 4.0 ของจีนที่ก้าวล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ   แต่ที่เห็นจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและล้ำสุดของจีนในยุค 5.0 ขณะนี้ก็คือ “ Big Data และ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  (Artificial Intelligence) [4] ”  หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว “ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ” หมายถึง การที่คอมพิวเตอร์คิดได้เหมือนมนุษย์ (อาจจะฉลาดกว่ามนุษย์อีก)  ซึ่งเป็นไปได้ในยุคปัจจุบัน เพราะการสอดประสานระหว่าง “สามพลัง” คือ พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ (computational power) พลังของข้อมูลปริมาณมหาศาล (big data) และพลังของขั้นตอนการวิเคราะห์คำนวณ (algorithm) โดย AI สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องทุกวงการ และจุดเด่นหนึ่งของ AI คือ สามารถเขียนขั้นตอนการวิเคราะห์คำนวณให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ถูกผิดและปรับปรุงตัวเองได้  เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์ ซึ่งรวมไปถึงการเรียนรู้ และ self-correction หนึ่งในสาขาของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก คือ Machine Learning  ส่วน  Big Data  เป็นเทคโนโลยีคลังเก็บข้อมูลใหม่ที่ไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวแต่ยังฉลาดวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลขอดีตถึงปัจจุบันย้อนหลังได้อย่างแม่นยำ ลองคิดดูว่าในแต่ละวันมีการใช้อินเทอร์เน็ตและคลิกเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ รวมถึงรูปภาพในแต่ละวันของประชาชนมีจำนวนกี่ครั้ง กี่เรื่องราว กี่ข้อมูล  การเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวันของประชาชนจีนเปลี่ยนไปมากมายหลังการเติบโตของ Big Data  อย่างเช่นที่เป็นเสียงฮือฮามากในตอนนี้ก็คือ  ระบบการจดจำใบหน้าอัจฉริยะที่ถูกเอามาใช้ในด้านตำรวจรักษาความปลอดภัย  ซึ่งระบบการจำแนกใบหน้านี้เป็นระบบสุดยอดการคัดกรองจำแนกใบหน้าของผู้คน  โดยมีการวิเคราะห์ที่เพิ่มประสิทธิภาพและฐานข้อมูลจำนวนมากจะทำการรวบรวมและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว  มีความเร็วระดับหมื่นล้านตัวเลขใช้เวลาหนึ่งวินาทีในการตอบกลับ  ระบบจำแนกหน้าคนมี 40 คุณลักษณะของใบหน้า อายุ เพศ สีหน้า หนวด  อีกทั้ง Big Data นี้ยังแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับจุดบอดในการวิเคราะห์ใบหน้าและเพิ่มประสิทธิภาพให้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น 

Title: ภาพกราฟฟิกแผนที่แสดงของเมืองต่างๆในประเทศจีนที่มีการพัฒนาด้านบิ๊กดาต้ามากที่สุด ได้แก่ ปักกิ่ง (78.22 คะแนน)  ตามด้วยกว่างตง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง ซันตง กุ้ยโจว ฉงชิ่ง ฝูเจี้ยน และเสฉวน
ภาพแผนที่ของเมืองต่างๆในประเทศจีนที่แสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาด้าน Big Datda มากที่สุด ได้แก่ ปักกิ่ง (78.22 คะแนน) ตามด้วยกว่างตง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง ซันตง กุ้ยโจว ฉงชิ่ง ฝูเจี้ยน และเสฉวน
(ที่มาภาพ :  https://mgronline.com/china/detail/9620000020305)

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ระบบการจดจำใบหน้าอัจริยะของจีนได้รับการยอมรับและถูกใช้ในหลายพื้นที่เช่น สถานีรถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบิน โรงแรม ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเยอะ  ซึ่งเห็นได้ว่าการมีระบบการจดจำใบหน้า Big Data นี้เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ตำรวจในการจับผู้ร้ายเป็นอย่างมาก ทำให้การค้นหาผู้ร้ายเป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำมากขึ้น [5]

บทบาทของเทคโนโลยีที่มีต่อคนจีนในปัจจุบัน

          ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนจีน  หรือในทุกๆ ด้านจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนจีนไปเลยก็ว่าได้ และทุกทุกวันเทคโนโลยีก็ได้ถูกพัฒนาให้เจริญก้าวหน้ายิ่งยิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากเทคโนโลยีเอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่คนจีนในหลายๆด้าน ดังนี้

1.ด้านเศรษฐกิจ  เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจ  ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนจะเกิดการชะลอตัวลง สาเหตุอาจจะมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้ภาคการผลิตขยายตัวต่ำ ตัวเลขการส่งออกของจีนและผลกำไรทางการค้าก็ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ [6]  โดยภาคอุตสาหกรรมมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตนั้น เนื่องมาจากมีการใช้หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานคน จึงช่วยลดต้นทุนในการผลิต ลดการใช้แรงงานจากคน ทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้น ปริมาณการจำหน่ายก็เพิ่มมากขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่าจีนสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาถูก ส่งออกได้ในปริมาณที่มาก ก็สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ดี  ซึ่งการแข่งขันกันระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศจีนเอง ก็มีการแข่งขันกันอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันระหว่างประเทศได้อีกด้วย เพราะผู้บริโภคได้ประโยชน์ จากการแข่งขันการผลิตที่มีคุณภาพ  แต่ในขณะเดียวกันในหลายๆขั้นตอนของการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดมลภาวะ สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ เช่น ภาวะหมอกควันพิษ ภาวะโลกร้อน เป็นต้น

2.ด้านการดำเนินธุรกิจ  การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ  ทำให้การทำธุรกิจมีความสะดวกมากขึ้น  บริษัทสามารถติดต่อกับผู้ส่งสินค้าและลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ผู้บริหารได้รับข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การขยายตัว การเลือกซื้อหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น [7]  การโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางทางอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook  Instragram  Youtube  เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทที่รู้จักนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ทำให้มีผลกำไรมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งคนจีนในยุค 5.0 ก็มีการจับจ่ายใช้สอยกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ โดยผ่านการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ ไม่ต้องเดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อ หลังจากนั้นก็ทำการจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่น We Chat หรือตัดเงินผ่านบัตรเครดิตก็สามารถทำได้ง่ายและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก หรือเมื่อไปข้างนอกก็ไม่ต้องพกเงินสด เพราะทำการจ่ายเงินผ่านแอพลิเคชั่น We Chat ก็สามารถจ่ายได้แล้ว  ซึ่งทำให้ทั้งตัวธนาคารเองและประชาชนที่มาใช้บริการ ก็ได้รับความสะดวกไปพร้อมๆกัน จึงเป็นการประหยัดเวลาของทั้งสองฝ่าย

3.ด้านชีวิตประจำวัน   เทคโนโลยีชีวิตประจำวันมีผลทางความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตประจำวันของคนเรา  ซึ่งถ้าในอนาคตเมื่องานขาดความยืดหยุ่นหรือขาดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ก็อาจจะถูกแทนที่ด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์  (AI)  ดังที่เห็นได้จากจีน เมื่อ 9 พ.ย.2561 สำนักข่าวซินหัว เปิดตัวผู้ประกาศข่าวปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คนแรกของโลก ในงานประชุม World Internet Conference ครั้งที่ 5 ณ เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2561  สำนักข่าวซินหัว ได้ร่วมมือกับบริษัทเสิร์จ เอ็นจิน (serch engine) Sogou.com พัฒนาผู้ประกาศข่าวชาย AI พูดภาษาอังกฤษและภาษาจีน ขึ้นมาเป็นคนแรกของโลก และตั้งชื่อให้ว่า ‘He’ ซึ่งใบหน้า รูปลักษณ์ และน้ำเสียงมีต้นแบบมาจาก นายจาง เจา ผู้ประกาศข่าวชายคนเก่ง ของสำนักข่าวซินหัว  ซึ่งสามารถทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวันบนเว็บไซต์  รวมทั้งทุกแพลตฟอร์ม (Platform) บนโซเชียล มีเดียของสำนักข่าวซินหัว โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการรายงานข่าวให้ดียิ่งขึ้น [8]   นอกจากนี้ จีนได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาสู่การบริการและอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งส่งผลต่อภาคการผลิตและขอบเขตทางเศรษฐกิจให้มีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก  เห็นได้จากเมื่อไม่นานมานี้จากนสพ.ไทยรัฐได้มีรายงานว่า แพทย์ชาวจีนใช้เทคโนโลยีเครือข่าย 5G ในการควบคุมแขนหุ่นยนต์ให้ผ่าตัดสุกรจากระยะไกลได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก เรียกว่าเปิดประตูแห่งความสดใสของวงการแพทย์ ที่จะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ด้วยอินเตอร์เน็ตที่มีเสถียรภาพอย่าง 5G นับว่าเป็นอนาคตที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดจ่อ [9]  ทำให้วงการแพทย์มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นแพทย์ก็สามารถจัดการได้ทันท่วงที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง จึงเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นอีกด้วย   ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ชีวิตเกิดความสะดวกสบาย ผู้สูงวัยชาวจีนนับร้อยล้านกลับประสบปัญหาไล่ตามโลกดิจิทัลไม่ทัน รู้สึกโดดเดี่ยวจากสังคมและไม่สามารถเข้าถึงบริการหลายอย่างที่เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลได้  เนื่องมาจากในจีนมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือราว 890 ล้านราย ทว่าจีนมีจำนวนประชากรเกือบ 1.4 พันล้านคน ขณะที่เขตเมืองของจีนแทบจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดโดยสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่กาแฟตลอดจนรถยนต์สามารถซื้อขายได้ผ่านหน้าจอมือถือ  ซึ่งจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ก็ทำให้ผู้สูงวัยที่เริ่มใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆไม่เป็น ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง [10]

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า  การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้การดำเนินชีวิตของคนเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้น  แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือดีไปทั้งหมด  และการพัฒนาทางเทคโนโลยีนั้นก็ยังสร้างปัญหาใหม่ๆให้กับคนเราอีกด้วย  ซึ่งแน่นอนว่า การพััฒนาทางเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตของคนเราเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น  แต่ทว่าบนโลกใบนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องที่สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด  เมื่อเทคโนโลยีมีข้อดี  ก็มักจะมาพร้อมกับข้อเสียเสมอ  เห็นได้ชัดเจนจากการที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปอย่างเร็วมาก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ควรจะช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นสะดวกขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงวัย แต่กลับมาสร้างปัญหาให้ผู้สูงวัยแทน  ฉะนั้นแล้ว การพัฒนาทางเทคโนโลยีมีประโยชน์มากก็จริง แต่ผลกระทบทางลบก็มีไม่น้อยเช่นกัน

แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของจีน

ในบริบทของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของโลก  ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในระหว่างองค์กรด้วยกันเอง  เช่น Google  Microsoft  IBM และ Facebook เป็นต้น  โดยอาศัยความได้เปรียบของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบในด้านปัญญาประดิษฐ์   โดยบริษัทใหญ่ๆแต่ละบริษัทจะมีการเพิ่มการลงทุนในด้านของการวิจัยและพัฒนา  การสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพสูง  การสร้างห้องปฏิบัติการ ประกอบกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ  ในขณะเดียวกันก็ใช้ลักษณะการดูดซึมปัญญาประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  โดยเป็นไปในลักษณะของการเข้าซื้อกิจการ  เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันโดยรวม  นอกจากนี้บริษัทใหญ่ๆแต่ละบริษัทยังมีการเปิดใช้งานแพลตฟอร์ม (Platform) ที่มาของแหล่งเทคโนโลยีและการสร้างระบบนิเวศน์ของตัวเองโดยรอบ   การขาดความยืดหยุ่นและนวัตกรรมใหม่ๆของงานในอนาคตก็จะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์  ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้พละกำลังแรงงานหรือว่าจะเป็นงานที่ใช้สมอง  ก็เพียงแค่เป็นงานที่มีความน่าเบื่อหน่าย  ไม่ต้องการอาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือความยืดหยุ่น ก็ล้วนถูกเอามาแทนที่ได้ทั้งนั้น  เพราะว่าความรู้ของงานเหล่านี้จะใช้ AI มาทดแทนได้ง่ายที่สุด  อย่างเช่น ในอุตสาหกรรมเฉพาะทางที่ได้กำไรมาก เมื่อใช้ AI มาแทนที่งานนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่กำไรจะยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม   อุตสาหกรรมดั้งเดิมจะพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์  โดยอาศัยการนำเอารูปแบบธุรกิจใหม่และรูปแบบเชิงพาณิชย์มาใช้  ซึ่งในอุตสาหกรรมใหม่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการนำมาพัฒนาแบบก้าวกระโดด   อุตสาหกรรมดั้งเดิมมีใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต การศึกษาทางการเกษตร การเงิน การคมนาคม การรักษาพยาบาล การนันทนาการและการจัดการทางสาธารณะ เป็นต้น  และจะมีการนำเอารูปแบบธุรกิจใหม่และรูปแบบเชิงพาณิชย์มาใช้อย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ รถยนต์ไร้คนขับ  VR ( virtual reality) [11]  และโดรน (Drone) [12]  เป็นต้น  ซึ่งการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของบริษัทจะขึ้นอยู่กับช่วงวงจรชีวิตของอุตสาหกรรม

ขณะที่กระแสของเทคโนโลยีทางด้าน AI ซึ่งกำลังมีบทบาทอยู่ในทั่วโลกนั้น จีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ  จีนกำลังดำเนินการในการสร้างและพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์  ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีน เคยประกาศไว้ว่า จะสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ให้ได้ในกลางศตวรรษที่ 21 ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  โดยจีนตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโลกให้ได้ภายในปี 2050   ปัจจุบันจึงมีการอัดฉีดงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศทั้งหมดให้เป็นอุตสาหกรรมไฮเทค สร้างห้องทดลองอวกาศเทียนกง ยานดำน้ำสำรวจทะเลลึก ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ สร้างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Baidu, Alibaba และ Tencent ซึ่งเทียบได้กับ Google, eBay และ Facebook ของสหรัฐอเมริกา  ในการพัฒนานวัตกรรมของจีนนั้น ภาครัฐมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เอกชนพัฒนานวัตกรรมเกิดขึ้นและมีผลทางเศรษฐกิจได้จริง ซึ่งรัฐบาลจีนมีแผนการสนับสนุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 รัฐบาลจีนได้ร่าง “แผนงานการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับยุคสมัยใหม่” ซึ่งเป็นแผนงานส่งเสริมการค้นคว้าเทคโนโลยี AI ครบทุกด้าน โดยอิงกับปัจจัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน แผนนี้มีเป้าหมายหลักคือการปั้นตลาดอุตสาหกรรม AI ให้มีมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030  แผนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ยังเป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ของจีนที่มีชื่อว่า “โครงการนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งปี 2030” ซึ่งโครงการนี้เน้นการพัฒนานวัตกรรมจาก Disruptive Tech [13] ทั้งหมด ทั้งยังเน้นการพัฒนาในระยะยาวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ภาครัฐยังประกาศแผนการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนทั้ง 3 ราย โดยให้แต่ละรายพัฒนา AI สำหรับการใช้งานแต่ละด้าน ได้แก่ Baidu พัฒนา AI สำหรับยานยนต์ไร้คนขับ, Alibaba สำหรับ Smart City และ Tencent พัฒนา AI เพื่อระบบดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Intelligent Healthcare) [14]  นอกจากนี้ในปี 2025 จีนจะทำให้ทั้งประเทศมี Road Map ที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมจีนในการครองโลกด้วยสินค้านวัตกรรมไฮเทค หรือที่เรียกว่า  “แผนพัฒนาเชิงรุกด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Made in China 2025)”  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมภายใต้แนวคิดผลักดันการผลิตด้วยนวัตกรรมชั้นสูงที่มุ่งสร้างคุณภาพมากกว่าปริมาณ การผลิตที่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เพื่อเป็นการลบภาพลักษณ์สินค้า  Made in China แบบคุณภาพต่ำอย่างที่เคยมีมาในอดีตของสินค้าจีน  การบ่มเพาะบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวม และการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม [15]  โดยจีนตั้งเป้าจะครองตลาดใน 10 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ หุ่นยนต์ AI , ชิป , คอมพิวเตอร์ , Cloud Service [16] , ท่าอากาศยาน เรือ รถไฟ , รถอัจฉริยะรักษ์โลก , พลังงานหมุนเวียน ,  เกษตรกรรม , วัสดุไฮเทค , ยาและเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น [17] 

สรุป

              ความก้าวหน้าและการพัฒนาของยุคเทคโนโลยี  ค่อยๆปรับปรุงสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเรา  ทำให้คุณภาพชีวิตจะยิ่งอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ  เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวหน้าและนำพาความสะดวกสบายอย่างยิ่งใหญ่มาสู่พวกเรา  แต่ในขณะเดียวกันก็นำพาผลกระทบด้านลบอย่างมากมายมาให้ด้วยเช่นกัน  อย่างเช่น ปัญหาผู้สูงวัยตามเทคโนโลยีไม่ทัน ปัญหาสิ่งแวดล้อม  น้ำเสียที่ถูกปล่อยมาจากแม่น้ำเส้นหลัก  ส่งผลให้ต้องรับประทานอาหารทะเลที่ไม่มีความสดหลงเหลืออยู่แล้ว  หรือแม้แต่สูญเสียทรัพยากรทางน้ำที่มีค่าไปอย่างมาก  แต่กลับไม่ได้คิดถึงผลลัพท์ในภายหลัง และปัญหาอื่นๆ [18]  ดังนั้นจะต้องพัฒนาทางเทคโลยีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด  นำพาซึ่งประโยชน์มาให้  แต่ก็ไม่สามารถที่จะละเลยสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ขณะนี้ไปได้   หากลองมองย้อนกลับไปในยุค 1.0 2.0 3.0 และ 4.0 ที่ผ่านมานั้น เทคโนโลยียังไม่ได้มีบทบาทเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากนัก การเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือมลพิษต่างๆ จึงพบเห็นได้น้อยกว่าในปัจจุบัน

          ถึงอย่างไรจีนก็คงไม่ล้มเลิก “ แผนยกระดับเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรมไฮเทค เนื่องจากหัวใจหลักของเขาคือ ต้องการยกระดับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของประเทศ ไม่อย่างนั้นจะไปต่อได้ลำบาก ”   อีกทั้งจีนยังต้องเปลี่ยนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจด้วย จากเดิมที่เคยเน้นการส่งออกก็ต้องมาเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น หรือจากเดิมที่เป็นลักษณะการส่งสินค้าราคาถูกออกไปต่างประเทศก็ต้องเปลี่ยนไปสู่การส่งออกสินค้าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเก่า   ข้อมูลที่น่าสนใจจาก The Telegraph ระบุว่าปี 2017 ที่ผ่านมา มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 4.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 32.9% ของ GDP ทั้งประเทศ ขณะที่บุคลากรที่ทำงานในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลก็มีจำนวน 171 ล้านคน นับเป็นสัดส่วน 22% ของการจ้างงานในประเทศ  สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีศักยภาพที่จะเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และเศรษฐกิจดิจิทัลอีกมาก เหลือเพียงรอเวลาเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาวิ่งเข้าสู่เป้าหมาย Made in China 2025 ได้จริง [19]

หากมองย้อนอดีต พิจารณาปัจจุบัน จะเห็นถึงอนาคตของจีนว่า จีนทำอะไรก็ทำอย่างจริงจัง ทำอะไรก็ต้องยิ่งใหญ่เสมอ ดังนั้นเป้าประสงค์ของจีนในการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม [20]    ในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้า  หุ่นยนต์อัจฉริยะอาจจะกลายมาเป็น “แม่บ้าน”  เทคโนโลยีไร้คนขับก็สามารถทำหน้าที่เป็นคนขับขณะเดินทาง  และเทคโนโลยีสแกนใบหน้าจะคอยมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ก็เป็นได้  ท้ายที่สุดแล้วการพัฒนาในเชิงลึกของปัญญาประดิษฐ์  จะช่วยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มีความสะดวกสบายมากขึ้น  และก็กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ในอนาคต

(ที่มาภาพ : http://t11.baidu.com/it/u=2584435636,2601384684&fm=173&app=25&f=JPEG?w=580&h=258&s=3DB9489342E03113D42CD5A803006011)


รายการอ้างอิง

ยุคที่รุ่งเรือง (กว่าเดิม) ของ E-Commerce แดนมังกร (18 ตุลาคม 2561). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645783

เตรียมเข้าสู่สังคม  การอยู่อาศัยยุค 5.0 ( 11 มีนาคม 2562 ). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646777

ผลของการขยายตัวของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ สมองกลอัจฉริยะต่อระบบการผลิต เศรษฐกิจ-ตลาดแรงงาน. (27 สิงหาคม 2561). ประชาชาติธุรกิจ. สืบค้นจาก    https://www.prachachat.net/economy/news-210309

อาร์ม ตั้งนิรันดร. (2561). China 5.0 : สีจิ้นผิง  เศรษฐกิจยุคใหม่และแผนการใหญ่ AI . กรุงเทพฯ : บุ้คสเคป.

Big Data เปลี่ยนแปลงชีวิตคนจีนไปอย่างไร?. (2 มีนาคม 2562). ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นจากhttps://mgronline.com/china/detail/9620000020305

ทิศทางเศรษฐกิจจีน 2019 กับแรงสะเทือนต่อโลก. (2 มกราคม 2562). 362 Degree.com เวปไซต์สำนักข่าวออนไลน์. http://www.362degree.com/2019/01/02/ทิศทางเศรษฐกิจจีน-2019/

ผลกระทบของเทคโนโลยี. (12 กันยายน 2561). สืบค้นจาก  https://www.krui3.com/content/impact-of-technology/

ซินหัว เปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของโลก อ่านข่าวไม่มีเหนื่อย 24 ชม./วัน. (9 พฤศจิกายน 2561). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1416976  ไทยรัฐออนไลน์  9 พ.ย. 2561

แพทย์แสดงการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีไร้สาย 5G. (4 มีนนาคม 2562). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก  https://www.thairath.co.th/content/1509820

ผู้สูงวัยกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อเทคโนโลยีในจีนพัฒนาไม่หยุด. (11 มีนาคม 2562). Voice TV. สืบค้นจากhttps://voicetv.co.th/read/1y3RnDQLj

The Rise of AI in China เมื่อ AI Ecosystem ของจีนเบ่งบานในระดับโลก. (10 กรกฏาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/the-rise-ai-china/

Made in China 2025 : จีนกับแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ผู้นำเทคโนโลยี. (6 มีนาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก  http://dv.co.th/blog-th/Made-in-China-2025/

科技发展对我们的生活带来的影响. (25 กรกฏาคม 2561). สืบค้นจาก https://baijiahao.baidu.com/s?id=1606949266693606953&wfr=spider&for=pc

ส่องยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของสีจิ้นผิง. (31 สิงหาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด สืบค้นจาก https://thestandard.co/made-in-china-2025/

จีนกับการท้าชิงเจ้าเทคโนโลยีของโลก จนสหรัฐฯ มองเป็นภัยคุกคาม. (27 ธันวาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด. สืบค้นจาก https://thestandard.co/cyber-threat-and-china-us-trade-war-in-2019/

จีนกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม. (9 เมษายน 2561). เวปไซต์ Pantip.com. สืบค้นจาก https://pantip.com/topic/37548145


[1] ยุคที่รุ่งเรือง (กว่าเดิม) ของ E-Commerce แดนมังกร (18 ตุลาคม 2561). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645783

[2] เตรียมเข้าสู่สังคม  การอยู่อาศัยยุค 5.0 ( 11 มีนาคม 2562 ). กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646777

[3] ผลของการขยายตัวของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ สมองกลอัจฉริยะต่อระบบการผลิต เศรษฐกิจ-ตลาดแรงงาน. (27 สิงหาคม 2561). ประชาชาติธุรกิจ. สืบค้นจาก    https://www.prachachat.net/economy/news-210309

[4] อาร์ม ตั้งนิรันดร. (2561). China 5.0 : สีจิ้นผิง  เศรษฐกิจยุคใหม่และแผนการใหญ่ AI . กรุงเทพฯ : บุ้คสเคป.

[5] Big Data เปลี่ยนแปลงชีวิตคนจีนไปอย่างไร?. (2 มีนาคม 2562). ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นจากhttps://mgronline.com/china/detail/9620000020305

[6] ทิศทางเศรษฐกิจจีน 2019 กับแรงสะเทือนต่อโลก. (2 มกราคม 2562). 362 Degree.com เวปไซต์สำนักข่าวออนไลน์. http://www.362degree.com/2019/01/02/ทิศทางเศรษฐกิจจีน-2019/

[7] ผลกระทบของเทคโนโลยี. (12 กันยายน 2561). สืบค้นจาก  https://www.krui3.com/content/impact-of-technology/

[8] ซินหัว เปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของโลก อ่านข่าวไม่มีเหนื่อย 24 ชม./วัน. (9 พฤศจิกายน 2561). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/content/1416976  ไทยรัฐออนไลน์  9 พ.ย. 2561

[9] แพทย์แสดงการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีไร้สาย 5G. (4 มีนนาคม 2562). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก  https://www.thairath.co.th/content/1509820

[10] ผู้สูงวัยกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อเทคโนโลยีในจีนพัฒนาไม่หยุด. (11 มีนาคม 2562). Voice TV. สืบค้นจากhttps://voicetv.co.th/read/1y3RnDQLj

[11] ความเป็นจริงเสมือน หมายความว่า ทัศนียภาพรอบทิศทางที่สร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ จำลองและถ่ายทอดความรู้สึกและประสบการณ์ดั่งอยู่ในโลกเสมือนจริง การรับชมความเป็นจริงเสมือนจำเป็นต้องมีอุปกรณ์รับชมซึ่งรับสัญญาณมาจากคอมพิวเตอร์

[12] เครื่องบินขนาดเล็กบินได้โดยอัตโนมัติโดยมีการควบคุมจากมนุษย์

[13] การที่เรามีเทคโลยีใหม่ๆ มาทดแทนสิ่งเดิมที่มีอยู่  และส่งผลให้ผู้ใช้งานได้มีอะไรที่ดี  สะดวกสบายมากกว่าเดิม

[14] The Rise of AI in China เมื่อ AI Ecosystem ของจีนเบ่งบานในระดับโลก. (10 กรกฏาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก http://dv.co.th/blog-th/the-rise-ai-china/

[15] Made in China 2025 : จีนกับแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ผู้นำเทคโนโลยี. (6 มีนาคม 2562). Digital Ventures, a subsidiary of The Siam Commercial Bank (SCB). สืบค้นจาก  http://dv.co.th/blog-th/Made-in-China-2025/

[16] เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไอที เช่น Server หรือโปรแกรมต่างๆ ที่เราไม่ต้องลงทุนซื้อเพียงเราจ่ายค่าบริการ  หรือบางรายอาจะให้ใช้ฟรี หากเราไม่ได้ใช้งานเชิงธุรกิจ เราก็สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย

[17] ส่องยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของสีจิ้นผิง. (31 สิงหาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด สืบค้นจาก https://thestandard.co/made-in-china-2025/

[18] 科技发展对我们的生活带来的影响. (25 กรกฏาคม 2561). สืบค้นจาก https://baijiahao.baidu.com/s?id=1606949266693606953&wfr=spider&for=pc

[19] จีนกับการท้าชิงเจ้าเทคโนโลยีของโลก จนสหรัฐฯ มองเป็นภัยคุกคาม. (27 ธันวาคม 2561). เวปไซต์เดอะสแตนดาด. สืบค้นจาก https://thestandard.co/cyber-threat-and-china-us-trade-war-in-2019/

[20] จีนกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม. (9 เมษายน 2561). เวปไซต์ Pantip.com. สืบค้นจาก https://pantip.com/topic/37548145


บทความล่าสุด

ชุมนุมฮ่องกงกับภาษาปริศนา
ชุมนุมฮ่องกงกับภาษาปริศนา

โดย ผศ. ดร.จิรยุทธ์ สินธุพันธ์ุ สถานการณ์การชุมนุมประท้วงของประชาชนคนฮ่องกงนั้นเป็นเรื่องที่น่าจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เนื่องด้วยการชุมนุมอันยืดเยื้อและข่าวลือต่างๆ ที่มีมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้การชุมนุมนี้สร้างผลกระทบในวงกว้าง สถานการณ์การชุมนุมนี้มีสาเหตุมาจากการต่อต้านร่างกฏหมายส่งตัวผ

ผศ. ดร.จิรยุทธ์ สินธุพันธ์ุ
2563
กระแสเอเชีย
เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง: ปัญหาใหญ่ซึ่งยังรอการแก้ไขของจีน 1
เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง: ปัญหาใหญ่ซึ่งยังรอการแก้ไขของจีน 1

เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง: ปัญหาใหญ่ซึ่งยังรอการแก้ไขของจีน 1โดย สิรีธร โกวิทวีรธรรม นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง: ปัญหาใหญ่ซึ่งยังรอการแก้ไขของจีน 1 สิรีธร โกวิทวีรธรรมนักวิจัยประจำสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.t

สิรีธร โกวิทวีรธรรม
2559
thaiworld

ที่ตั้งสถาบัน (ศูนย์จีนศึกษา)

สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Institute of Asian Studies Chulalongkorn University)

อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี ชั้น 7 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330