South Asian Studies Center is a research unit for South Asian Studies and funded by Ratchadaphiseksomphot Endowment Fund, Chulalongkorn University. The center established in June 2017 under the Institute of Asian Studies. The center conducts research on South Asian Studies Countries related to social, economic, cultural and political issues. South Asian Countries have diverse in term of culture, religions, languages. The main purposes of center are development, initiating and disseminating the knowledge in South Asian to the publicity, creating quality of Thai researchers and expanding the academic network within Thailand and global. Therefore, for developing the relationship between Thailand and the South Asian countries is necessary to understand the context of this region through conducted research in deeply analysis and systematic as a main mission of the South Asian Sian Studies Center of Institute of Asian Studies, Chulalongkorn University.
สินค้า
สินค้าใหม่แนะนำ
วัตถุประสงค์
To be a research center, producing and disseminating knowledge about South Asian Region to publicity in national and global level.
To create and develop the quality of Thai researcher in the field of South Asian Region and to building research networks and academic cooperation between researchers and research institutes within the country and global.
To be a national information center that able to apply policy planning, promoting the knowledge about South Asian region.
To create an understanding and good relationship between nations.
ที่ตั้งสถาบัน (ศูนย์เอเชียใต้ศึกษา)
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Institute of Asian Studies Chulalongkorn University)
ในภาพยนตร์ฉบับที่กำกับโดยอัสรุล
ซานี ฮามิดและไซนับถูกใช้ให้เป็นภาพตัวแทนของการเรียนร้องเสรีภาพในการเลือกใช้ชีวิตและในการแสดงออกของชาวอินโดนีเซีย
สำหรับอัสรุล ซานี หลักธรรมอิสลาม (ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นศาสนาอิสลาม) ประเทศอินโดนีเชียและการเมืองเป็นสามสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้ไซนับร้องตะโกนบทพูดที่ไม่มีอยู่ในนิยายในฉากหนึ่งของภาพยนตร์ว่า
“Mencintai negara Anda adalah setengah
dari agama Anda!” (ความรักต่อประเทศมีค่าเพียงครึ่งหนึ่งของความรักต่อศาสนา)
ในขณะที่ในอีกฉากหนึ่ง ผู้ชมก็จะได้เห็นครูสอนศาสนาถูกจับกุมโดยกลุ่มทหาร ขณะที่ครูสอนศาสนาคนนั้นกำลังอธิบายให้ที่ประชุมฟังว่าอะไรคือจิตวิญญาณของอินโดนีเซีย
ในปี
ค.ศ. 2011 อันเป็นปีที่
Di Bawah Lindungan Ka’bah ฉบับของ ฮานนี ซาปุตรากำกับออกฉาย อินโดนีเชียได้ก้าวเข้าสู่การปฏิรูปการเมืองการปกครอง
(Reformasi) มากว่า 10 ปีแล้ว นอกเหนือจากเสรีภาพทางการเมืองและการแสดงออก ก็คือการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและอิทธิพลของอิสลามนิยม
(Islamist) ในการเมืองและสังคม ซึ่ง Di Bawah Lindungan Ka’bah ก็สะท้อนบริบทของสังคมดังกล่าว
สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมจะรู้สึกได้ทันทีก็คือจำนวนของการวางตำแหน่งสินค้า (Product Placement) ในภาพยนตร์ ทั้งที่สินค้าตัวนั้นไม่ได้อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับเนื้อเรื่อง
ในขณะที่อัสรุล
ซานนี พยายามที่จะวาง Di
Bawah Lindungan Ka’bah ฉบับปี
ค.ศ. 1977 ในบริบททางประวัติศาสตร์ที่นวนิยายเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้น
Di Bawah
Lindungan Ka’bah ฉบับปี ค.ศ. 2011 ของฮานนี ซาปุตราได้ใช้องค์ประกอบของนวนิยายเรื่องนี้อย่างหลวมๆ
พื่อกำลังสร้างสำนึกใหม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปัจจุบันกาลของอินโดนีเซียหลังการปฏิรูป
ในมิติหนึ่งนั้น เราจะเห็นได้ถึงอิทธิพลของทุนที่เข้ามากำหนดการสร้างสรรค์ ในอีกมิติหนึ่งนั้น
เราก็อาจกล่าวได้ว่า ฮานนี ซาปุตรานั้นเป็นผลผลิตของโลกหลังสมัยใหม่ที่ไม่ใส่ใจต่อความถูกต้องทางประวัติศาสตร์
ในภาพยนตร์
Di Bawah Lindungan Ka’bah ฉบับปี ค.ศ. 2011 เรื่องราวการต่อสู้ดิ้นรนของตัวละครต่อข้อจำกัดทางประเพณี ทางความคิดและทางการเมือ
งจึงถูกทำให้เหลือเพียงเรื่องราวการต่อสู้เพื่อความรักของวัยรุ่นในโลกอุดมคติแบบอิสลาม
เช่นเดียวกันภาพสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนมินังกะเบาที่เป็นพันธนาการของตัวละครตามท้องเรื่องก็ถูกทำให้เป็นภาพอดีตที่น่าถวิลหา
(Nostalgia)
จึงไม่น่าแปลกใจ
ที่นักวิจารณ์ต่างก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวละครเอกใน Di Bawah Lindungan Ka’bah ฉบับปี ค.ศ. 2011 นี้ คือเมืองปะดัง (Padang) อดีตเมืองหลวงของชาวมินังกะเบาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ผ่านการนำเสนอของภาพยนตร์
รายการอ้างอิง
Hamka.
Di Bawah Lindungan Ka’bah
Rush,
James R. Hamka’s Great Story: A
Master Writer’s Vision of Islam for Modern Indonesia. The American
Historical Review, Volume 123, Issue 2, April 2018, Pages 566–567,https://doi.org/10.1093/ahr/123.2.566
Mubarak,
Makbul (28 August 2011). From Masterpiece to Teen Flick. The
Jakarta Post. Archived from the original on 21 May 2012.
Retrieved 21 August 2019.
โดย ดร.อับดุรเราะฮหมาน มูเก็ม
“To read history is good, but even more interesting and fascinating is to help in making history.”
ยาวาฮาร์ลาล เนห์รู ใน “Glimpses of World History”
บทนำ
ปัญญาชนสาธารณะแห่งอนุทวีปอินเดีย (Indian Sub-Continent) นั้นมีอิทธิพลทางด้านความคิดอ่านของคนหนุ่ม